เหตุเกิดทางภาคตะวันออกของกรุงลอนดอน
1. เมื่อเจ้าถิ่นไม่มีกองหน้าอย่าง มาร์โก อาร์เนาโตวิช ประสิทธิ์ภาพในเกมรุกหายไปพอสมควร แต่ ลิเวอร์พูล เหมือนจะหนักกว่า เพราะไม่มีทั้ง จีนี่ ไวนัลดุม กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในแดนกลางจนต้องเอา อดัม ลัลลาน่า กับ นาบี เกอิต้า ลงตัวจริงพร้อมกัน
2. เริ่มเกมขึ้นมา “หงส์แดง” ครองบอลบุกมากกว่าตามฟอร์มนะครับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือพวกเขาแทบหาจังหวะจบด้วยการยิงไม่ได้ ผิดกับ เวสต์แฮม ที่ครองบอลน้อยกว่า ทว่าสามารถโต้กลับแล้วหาจังหวะยิงแบบได้น้ำได้เนื้อมากกว่ากันเยอะ
3. ตอนที่ ซาดิโอ มาเน่ ยิงให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำมาจากจังหวะล้ำหน้าชัดเจน แต่พอเข้าใจได้ว่าผู้กำกับเส้นดันยืนถลำไลน์
คำถามคือแล้วทำไมมึงไปยืนตำแหน่งนั้น หรือต่อให้ถลำ มันก็ควรจะมองออกหรือเปล่า ???
ส่วนจังหวะที่ ดีว็อค โอริกี้ หลุดไปยิงในนาทีสุดท้ายในช่วงทดเจ็บ คุณพี่ผู้กำกับเส้นอยู่ในไลน์เดียวกันชัดเจน แต่แกล้งทำแขนหนัก ไม่ยอมยกธงซะอย่างนั้น อืมมมมม…คิดแล้วก็น่าเสียดายแทนหงส์แดงที่กรรมการ เอ๊ย! คนบนฟ้าอุตส่าห์เป็นใจแล้วกองหน้าตัวสำรองดันยิงไม่ดีเอง
4. “ดิ ไออ้อน” ใช้ทีเด็ดจากลูกฟรีคิกเล่นงานผู้มาเยือนได้ชะงักดีนักแลนะครับ โดยได้มา 1 ประตู และเกือบได้อีก 2 ประตูจากการเล่นลูกสูตร 3 ครั้ง
นอกจากนี้ยังหาจังหวะจู่โจมได้อย่างวูบวาบเป็นระยะ ซึ่งการปราศจากดาวยิงอย่าง อาร์เนาโตวิช นี่แหละทำให้ประสิทธิ์ภาพในการทำลายตาข่ายลดลงอย่างเห็นได้ชัด
5. เมื่อถูกสถานการณ์บังคับว่าต้องชนะ ลิเวอร์พูล ออกอาการเกร็ง เพราะความกดดันอย่างคมชัดผ่านระบบฟูลเอชดีเลยทีเดียว ด้วยการผ่านบอลกันขาดๆ เกินๆ บนความผิดพลาดง่ายๆ ตลอดเวลา
เกมรุกมักจะไปตายดื้อๆ ก่อนเข้าถึงพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่งแบบผู้รักษาประตูขุนค้อนแทบไม่ได้เซฟลูกยากเลยด้วยซ้ำ คือเห็นเลยล่ะว่าผู้เล่นในหน่วยล่าสังหารเล่นกันต่ำกว่ามาตรฐานทุกคน
แหล่งข่าว : สยามสปอร์ต
