โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เป็นทุกอย่างให้ “คล็อปป์” แล้ว [EP.2]

30/10/2019 Admin

ใครที่ได้ดูเกมการเล่นของฟีร์มีโน่มีแต่จะต้องชื่นชมในความพยายามของเขา ทั้งในเกมรุกและรับ

บ่อยครั้งก็อาจนึกสงสัยหรือตั้งคำถามขึ้นมาว่าแล้วนี่เขาคือผู้เล่นตำแหน่งใดกันแน่? ฟีร์มีโน่ คือนักเตะตามคอนเซปต์ของแชงค์ลี่ย์ และ เหมือนได้รับการเพาะบ่มมาจาก “ท่านนายพล”  รีนส มิเซลส์ ในทีมลิเวร์พูลชุดนี้ เขาจึงสามารถอยู่ทั่วไปหมด เบรนแดน ร็อคเจอร์ส ที่คุมทีมก่อนหน้าคล็อปปีก็เห็นถึงความสารพัดประโยชน์ในตัวเขาส่งเขาลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางบ้างริมเส้นบ้าง และเป็นกระทั่งวิงแบ็กในเกมที่แพ้ต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือนกันยายน ปี 2015 ก่อนหน้ที่เขาจะถูกเด้งจากตำแหน่ง

ฟีร์มีโน่ สามารถเป็นได้หมดทั้งนักเตะหมายเลข 9, 10 หรือ 8 หรือหากสถานการณ์ในเกมทำให้ต้องเป็นมากกว่านั้นเขาก็สามารถปรับบทบาทได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ยิ่งพอ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ย้ายออกไปแล้วเขาก็กลายเป็นผู้นำในเกมรุกของทีม เป็นมากกว่า กองหน้าตัวหลอกหรือ False Nine ฤดูกาลที่แล้วฟีร์มีโน่เป็นนักเตะคนเดียวของพรีเมียร์ลีก ที่สร้างโอกาสทำประตูได้ถึงกว่า 50 ครั้ง ขณะที่สถิติการสกัดบอลการสกัดลูกยิง การตัดบอล หรือภารกิจในเกมรับทั้งหลายสูงเกิน 60 ครั้ง เรียกได้ว่าเป็น เซสฟาเบรกาส ที่มีร่างทรงของ โดลัด มาเกเลเล่ อยู่ด้วยก็ว่าได้

 

บางคนจึงเปรียบเปรยอิทธิพลในเกมของ “บ็อบบี้” เหมือนกับ ริงโก้ สตาร์ แห่งเดอะ บีทเทิลส์ ซึ่งในแง่การใช้พลังถือว่าไม่แปลกที่เขาถูกเทียบกับอดีตมือกลองของวงสี่เต่าทอง อ็องโตนี่ โมแคสต์

ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของเขาที่ ฮอฟเฟนไฮม์ อยู่สองปี ก็มีแต่คำชมให้กับเขาเมื่อถูกถามถึงฟิร์มีโน่ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสวัย 31 ซึ่งอยู่กับโคโลญจน์ในปัจจุบันบอกว่า ฟิร์มีโน่ “ช่างเป็นปราฏกาณ์ คือผู้ล่นที่ก่งที่สุดที่ผมเคยเล่นด้วย มันน่าทึ่งมาก ความคล่องแค่ล่วของเขา เวลามีบอลอยู่กับเท้า ความง่ายดายในการเลี้ยงหลบคู่แข่ง ตอนซ้อมเขาสามารถจับบอลแล้วเลี้ยงหลบทั้งทีมก่อนยิงประตู บางครั้งผมได้แต่หยุดตัวเอง และดูเขาอย่างชื่นชม หล้ผมย้ายไปอยู่ได้ไม่นาน (หนร้อนปี 2013) ผมพูดกับเพื่อนๆ ของผมว่าในที่มของผมนักเตะระดับปรากฎการณ์อยู่คนนึง ต้องมาดูเขาในการฝึกซ้อม เขาทำสิ่งเหลือเชื่อต่างๆ ได้”

จากตอนนั้นมาถึงดอนนี้ที่ลิเวอร์พูล ฟิร์มีโน่ ในสายตาของโมแคสต์ไม่เหมือนเติมอีกต่อไปแล้ว “เพราะเขาก้วหน้ำขึ้นไปอีก เขายังดีขึ้นเวลากดดันคู่แข่งอย่างไม่หยุดหย่อนด้วย และในขณะเดียวกันเขาก็ทรงประสิทธิภาพอย่างร้ายกาจ เวลาคุณกดตันอย่างต่อเนื่อง คุณอาจเสียความชัดเจนไปด้วย แต่เขาไม่ เขากดัน เขาวิ่ง แต่ก็ยังรักษาสมาธิของเขาไว้เพื่อยิงประตูอย่างเหลือเรือได้ นี่คือเครื่องหมายของผู้เล่นที่เก่งมากๆ แม้ว่าจนถึงปีที่แล้วผมรู้สึกว่เขาเป็นผู้เล่นที่ถูกประเมินค่าต่ำไปก็คาม”

 

คล็อปป์เคยให้นิยามเขาว่า “คือนักฟุตบอลตั้งแต่หัวจรดเท้า” ขณะที่ เธียร์รี่ อองรี อดีตดาวยิงในตำนานของอาร์เซนอลเห็นว่าเขาคือ “ศูนย์หน้ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในอังกฤษ”

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เคยเห็นคุณสบัติต่างๆ ในตัวเขา ในปี 2009 เขาเคยทดสอบฝีเท้ากับ โอลิมปิก มาร์กเชย แต่ไม่ผ่าน ส่วน เบรนแดน ร็อคเจอร์ส ก็เคยชอบใช้ คริสติยอง เบนเตเค้ ที่ร่างกายกำยำล่ำสันกว่าฟีร์มีโน่ยังไม่ใช่จอมเข้าฮอสอีกต่างหาก ฤดูกาลที่แล้วเขายิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ “แค่” 12 ประตูเท่านั้น น้อยกว่าอีกสองประสานในแนวรุก โม ซาลาห์ กับ ชาดิโอมาเน่ ที่ยิงได้คนละ 22 ประตูในลีกมาก แต่ช่างเถอะ “บ็อบบี้” เป็นมากกว่าดาวยิงเยอะ

ตั้งแต่ปี 2017 ที่ทั้งสามร่วมเล่นด้วยกันเฉลี่ยแล้วดาวเตะชาวบราซิเลียนทำแอสซิสต์ได้มากกว่าศูนย์หน้าชาวเซนกัล (3 ครั้ง vs 1.2 ครั้ง/นัด) และสกัดบอลได้มากกว่าปีกชาวอียิปต์ (1.6 ขs 05 ครั้งนัด) ในสามคนนี้ฟิร์มีโน่ยังเป็นคนที่เปิดบอลมากที่สุด (40 ครั้งนัด) และได้สัมผัสบอลมากที่สุดด้วย (58 ครั้ง) ในการทำแอสซิสต์ให้ โม ซาลาห์ ในเกมกับนิวคาสเซิ่ล เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังร่วมทีมถึงกับบอกว่าเขาคือ “คนที่ใครแทนไม่ได้” ขณะที่แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายชาวสกอตต์ยอมรับว่า “ถ้าไม่มีเขาเราแพ้ไปแล้ว เพราะเขาเป็นแนวรับตัวแรกของเรา”

“ไม่เพียงเขาไม่เกี่ยงที่จะทำงานหนักๆแต่ยังฉลาดในการตัดสินใจและในการทำให้มันเป็นรูปธรรมขึ้นมา” คล็อปป์ ได้วไว้ตั้งแต่ที่กุนซือชาวเยอรมันมาเป็นนายใหญ่ในถิ่นแอนฟิลด์ เขาจึงให้ความสำคัญกับฟิร์มีโน่มาก และบทบาทที่ ฟีร์มีโน่ สวมอยู่ก็ทำให้เขามีมุมมองแบบ 360 องศา มันเอื้อให้เขาเห็นอะไรได้ชัดเจนและเร็วกว่าคนอื่น หาพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมได้ พร้อมกับที่ทำให้เกมรุกของทีมไหลลื่นไปด้วย พูดง่ายๆ คือในสนามเขาทำให้คนอื่นๆ ดีขึ้น และหากเทียบกับบรรดากองหนทั้งหลายในพรีเมียร์ลีก ฟิร์มีโน่จะเข้าไปอยู่ในเขตโทษของคู่แข่งน้อยที่สุด แต่อิทธิพลในเกมของเขามีมากและกินพื้นที่กว้างเนื่องจากมันครอบคลุมทั้งสนาม

จึงไม่น่าแปลกใจที่คล็อปป์จะให้ฉายาเขาเป็น “ห้องเครื่อง” แถมเป็นห้องเครื่องที่สร้างอารมณ์ขันในห้องแต่งตัวได้ด้วยค่าตัว 41 ล้านยูโรที่ลิเวอร์พูลเคยจ่ายกลายเป็นราคาถูกเกินไปนานแล้ว ในวัย 28 ค่าตัว โดยประเมินในตลาดของเขาแพงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แต่เชื่อว่าต่อให้ใกล้แตะหลักร้อยล้านยูโรเต็มที เคอะ ค็อป ทั้งหลายก็คงตะโกนใส่ผู้อยากซื้อทั้งหลายว่ “ไม่ขาย!” ของรักของหวงผู้ครบเครื่องคนนี้แน่ๆ

 

Tags : , , , , , , , ,
Leave Comment