เห็นข่าว นิคลาส เบนท์เนอร์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้คนขับแท็กซี่รายหนึ่งในนอร์เวย์กรามหักแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
ทุกวันนี้ เบนท์เนอร์ ในวัย 30 ปี ย้ายไปเล่นให้กับ โรเซนบอร์ก สโมสรดังของนอเวย์ และยังทำผลงานได้ดีอยู่เลย มาตรฐานฟุตบอลของลีกแถบสแกนดิเนเวียไม่ได้สูงส่งอะไร ดังนั้น ช่วงขาลง “ท่านลอร์ด” ก็ยังคงอาศัยชั้นเชิงและเซนส์ลูกหนังเอาตัวรอดได้แบบสบายๆ เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คือพฤติกรรมนอกสนาม ถ้าให้เดาคงไม่ยากกับเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงตี 2 เศษๆ ของวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พอดีช่วงเบรกทีมชาติ ลีกสูงสุดไม่มีแข่ง ทำอะไรดี เที่ยวสิครับ และคงเมาตามปกติ เจ้าตัวออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการแล้ว เรื่องก็คงเคลียร์กันไปจะโดนแจ้งข้อหาอะไรก็ว่ากันไป ที่ถอนใจก็เพราะเสียดาย
นิคลาส เบนท์เนอร์ นี่จริงๆมีทุกอย่างที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับหัวแถว เห็นหน้าหมอนี่ครั้งแรกในเกม ฟุตบอลเมเนเจอร์ (FM) สักประมาณปี 2005 หรือ 2006 นี่แหละ นิคลาส เบนท์เนอร์ ตำแหน่งกองหน้า เล่นในทีมเยาวชนอาร์เซน่อล ตอนนั้นอายุเพิ่ง 17-18 เป็นหนุ่มผมยาวสลวย
อีก 2 ปีถัดมา เบนท์เนอร์ ก็ได้รับโอกาสขึ้นชั้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของอาร์เซน่อลทันที และได้ทำผลงานได้น่าประทับใจด้วย เบนท์เนอร์เป็นนักเตะร่างใหญ่ แข็งแรง แต่ไม่เทอะทะ พื้นฐานเป็นเบสิกฟุตบอลดี แม้จะถูกระบุเป็นกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติ แต่เวนเกอร์ก็ชอบจับไปยืนด้านข้างประจำ เจ้าตัวก็ทำหน้าที่ได้ไม่เลว ตัวใหญ่แต่ไม่ช้า เลี้ยงบอลใช้ได้ ยิงหนัก โหม่งดี ผ่านบอลเป็น เล่นเป็นทีมได้ สรุปว่าเก่งแต่เด็ก ท่าทางใช้ได้ มีสไตล์ด้วย น่าจะดังไม่ยาก ตัวจริงสุดท้าย แต่ดังได้เรื่องนอกสนามมากกว่าในสนาม เคยโดนปล่อยไปเก็บเลเวลที่เบอร์มิงแฮมก็ทำได้โอเคเลย ปัญหาเริ่มเกิดตอนอายุได้ 20-21 ช่วงปี 2009 ยาวมาถึง 2010 เพราะโดนอาการเจ็บเล่นงานติดๆกัน อาการที่พรากเบนท์เนอร์ ไปจากสนามนานๆ คือเป็นไส้เลื่อน เจ็บโคนขาหนีบ ภาษาบ้านๆ น่าจะเรียกประมาณว่าไข่ดันอักเสบ
กลับมาอีกทีก็มีปัญหานอกสนาม ช่วงนั้น เบนท์เนอร์ ดันไปกิ๊กกับบารอเนส คาโรลีน ลูเอล บร็อคดอร์ฟฟ์ ที่อายุแก่กว่า 13 ปี เธอคนนี้เป็นคนในตระกูลขุนนางเดนมาร์ก สนิทกับราชวงศ์ของเดนมาร์ก และแต่งงานกับ รอรี่ เฟลมมิ่ง (หลานของ เอียน เฟลมมิ่ง ผู้แต่ง เจมส์ บอนด์)
พอหย่าจาก รอรี่ เฟลมมิ่ง บารอเนส ก็มาคบกับ เบนท์เนอร์เลย และมีลูกด้วยกัน 1 คน ชื่อนิโคลัส เกิดปลายปี 2010 ช่วงนั้นเบนท์เนอร์ เริ่มไม่ได้รับโอกาสลงสนามในทีมชุดใหญ่อาร์เซน่อล ด้วยปัญหาความฟิต เขาโดนปล่อยให้ซันเดอร์แลนด์ยืมตัว แล้วเซอร์ไพรส์สุดคือ ย้ายตัวไปยืมตัวกับยูเวนตุสเฉยเลยในปี 2012-2013 หลังโชว์ขอบบ็อกเซอร์ ในยูโร 2012 จนโดน ยูเอฟ่า ปรับเงินเพราะดันมีโลโก้ของบริษัทรับพนันอยู่บนกางเกงในนั่นด้วย
ที่รังม้าลาย ร่างกายของเบนท์เนอร์มาพังอีกรอบ หนนี้หายไปนานเกือบ 4 เดือน พอหมดสัญญายืมตัวก็คืนรัง ทีนี้มีอาการเจ็บมาป่วนเรื่อยๆ แล้วทีละเดือนสองเดือน อาทิตย์ สองอาทิตย์ สุดท้ายอาร์เซน่อลก็ปล่อยท่านลอร์ด ไปอยู่โวล์ฟสบวร์ก
น่าจะเป็นช่วงนี้เองที่กระแสโลกออนไลน์บูมขีดสุด มีการทำ meme ออกมาแซวเขา และเขาเองก็สนุกไปกับมัน แฟนบอลพากันเรียกเบนท์เนอร์ว่า ท่านลอร์ด โดยพร้อมเพรียงกัน น่าแปลกแม้จะมีปัญหาความฟิต อ้วนบวมในบางช่วง ผลงานกับสโมสรลุ่มๆดอนๆบ้าง แต่เมื่อสวมชุดทีมชาติเดนมาร์ เบนท์เนอร์ มีประตูมาฝากเสมอ จนถึงตอนนี้ เขายิงให้ทีมโคนมไปแล้ว 30 ประตูจาก 81 นัด ขนาดปีที่แล้วยังยิงได้ 1 ลูกจาก 5 นัด ปีนี้ เล่นมา 2 นัด แต่ยังไม่มีสกอร์ เรียกว่าตั้งแต่ติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกปี 2006 สมัยอายุ 18 จนถึงปีนี้ มีเพียงปี 2016 ปีเดียวที่เขาไม่ได้ลงเล่นเลยสักนัดที่เขายิงให้เดนมาร์กไม่ได้ ที่เหลือทุกปี เบนท์เนอร์ ยิงให้เดนมาร์กทุกปี บางคนดูเหมือนจะแฮปปี้กับชีวิตที่เขามี และเลือกเอง ทั้งที่มองในมุมของคนนอก เขาน่าจะไปได้ไกลกว่านี้
นักเตะจากละตินอเมริกา โดยเฉพาะบราซิลนี่เยอะแยะที่เป็นประเภทนี้ ในอังกฤษมีตัวอย่างของพอล แกสคอยน์ นิคลาส เบนท์เนอร์
ไม่ได้หลุดถึงขนาดแกซซ่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่ได้เติมเต็มศักยภาพที่มี บางทีก็อาจเป็นได้ว่าในทีมอาร์เซน่อลสมัยที่ เบนท์เนอร์ กำลังพุ่งขึ้นมา โอกาสที่จะได้ลงเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ ไม่ได้มีมาถึงมากนัก สมมุติว่า เบนท์เนอร์ ได้ยืนเป็นหอกเป้าให้ทีมอย่าง เอฟเวอร์ตัน, แอสตัน วิลล่า, นิวคาสเซิ่ล, แบล็คเบิร์น หรือสโต๊ค พวกนี้ คงได้เห็นเขาแสดงฝีเท้าเต็มที่ แต่ก็นั่นเอง เป็นเรื่องของคำว่า “ถ้า” ไม่มีใครรู้ได้หรอก
ไม่น่าเชื่อว่าแป๊บเดียว เวลาผ่านมาถึง 10 ปีแล้ว จากที่ช่วง เบนท์เทอร์ เปรี้ยงปร้างขึ้นมาในฐานะนักเตะดาวรุ่งล้ำค่าของอาร์เซน่อล คนที่เคยเห็นกองหน้าดาวรุ่งหัวทองร่างใหญ่ ใส่เสื้อเบอร์ 52 ลงเล่นให้ทีมปืนใหญ่ในตอนนั้น น่าจะแอบเสียดายพรสวรรค์และศักยภาพของเด็กคนนี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
