เจาะ 5 ประเด็น หลังลิเวอร์พูลเสมอเลสเตอร์คาถิ่น

31/01/2019 Admin

ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสที่จะทำแต้มทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 7 คะแนน หลังจากทำได้เพียงเปิดรังแอนฟิลด์เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้ “หงส์แดง” มีเพิ่มแค่ 1 แต้มแต่ยังนำ “เรือใบสีฟ้า” 5 คะแนน

“เดอะ เร้ดส์” เริ่มต้นเกมได้ดีและได้ประตูนำจาก ซาดิโอ มาเน่ โดยช่วงเวลาหลังจากนั้น เจ้าบ้านพยายามเปิดเกมใส่เพื่อหวังทำประตูเพิ่มแต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งช่วงทดเจ็บความไม่เข้าใจกันระหว่าง โจเอล มาติป กับ อลีสซง เบ็คเกอร์ ทำให้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ได้ยิงโล่งๆ ตีเสมอ

สำหรับครึ่งหลังกลายเป็นว่า “เดอะ ฟ็อกซ์” ทำผลงานได้ดีในช่วงแรกๆ และสร้างโอกาสทำประตูได้หลายครั้ง แต่ไม่สามารถส่งบอกเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ทำผลงานไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน แม้ช่วงท้ายเกมจะกดดันอย่างหนักแต่ทำอะไรไม่ได้ จบเกมสกอร์เสมอกันไป

1. ไม่มีอะไรต้องวิตก

ขณะที่ผลการแข่งขันคงจะทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” ผิดหวังกันถ้วนหน้า แต่อย่าลืมว่า “หงส์แดง” ได้ 1 คะแนนที่มีค่ามากๆ และทำให้พวกเขามีแต้มทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกไปอีก เพราะหากมองจากโปรแกรมการแข่งขันในช่วงประมาณสัปดาห์หน้า ลิเวอร์พูล ดูเหมือนจะได้เปรียบเลยทีเดียว

ในเกมต่อไปพวกเขาจะต้องออกไปเยือน “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ และเปิดรังแอนฟิลด์ รับมือ บอร์นมัธ ในเสาร์ต่อไป ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านรับมือ อาร์เซน่อล ในวันอาทิตย์เช่นกัน ก่อนจะเดินทางไปพบกับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ในเกมลีกวันพุธ จากนั้นต้องเจอกับบททดสอบหนักในเกมพบ เชลซี ในวันอาทิตย์ถัดไป

สำหรับเกมเหล่านี้แน่นอนว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อ “เรือใบสีฟ้า” ในการลุ้นแชมป์ลีก แต่ในขณะเดียวกันโปรแกรมทั้งหมดนี้หาก ทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เก็บชัยชนะได้หมดทั้ง 3 แมตช์ นั่นจะยิ่งสร้างความกดดันให้กับ ลิเวอร์พูล เช่นกัน

แน่นอนว่าตอนนี้สาวกพันธุ์แท้ “หงส์แดง” คงรู้สึกหวาดหวั่นเนื่องจากเคยมีความทรงจำที่เลวร้ายในช่วงท้ายซีซั่น 2013-14 แต่หากไม่มีอะไรผิดพลาด ด้วยความได้เปรียบที่มีอยู่ในมือถึง 5 คะแนน โอกาสที่พวกเขาจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกก็เป็นไปได้

 

2. มาเน่ โดนประเมินต่ำเกินไป

สำหรับเกมนี้เสียงสรรเสริญเยินยอดังสนั่นให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ รวมทั้ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แต่มีเสียงแสดงความไม่พอใจถึงผลงานของ ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งต้องบอกเลยว่า ดาวเตะทีมชาติเซเนกัล ไม่สมควรได้รับสิ่งนี้เลย

ดาวเตะเลือดเซเนกัล โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในจังหวะที่เปิดสกอร์ให้ต้นสังกัด และนั่นเป็นประตูที่ 10 ในเกมพรีเมียร์ลีกที่เขาทำได้ในฤดูกาลนี้ ยังไม่หมดแค่นั้น มาเน่ ยังเล่นได้โดดเด่น และการเล่นเกมบุกของเขาช่วยขู่แนวรับ เลสเตอร์ ได้อย่างต่อเนื่องในครึ่งแรก

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลัง อดีตดาวเตะ “นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน ฟอร์มเงียบไปหน่อย แต่ก็ยังมีโอกาสใช้ความเร็วโจมตี “สุนัขจิ้งจอก” ได้เรื่อยๆ ฉะนั้นหาก “หงส์แดง” คว้าแชมป์ลีกในซีซั่นนี้ มาเน่ ควรจะได้รับการเชิดชูไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสตาร์คนอื่นๆ ในทีมด้วย

 

3. แม็คไกวร์ ข่มเกมรุกเจ้าบ้านอยู่หมัด

หากไม่นับจังหวะแรกที่โดน มาเน่ ป่วนจนเสียประตู หลังจากนั้น แม็คไกรว์ สามารถรับมือกับ 3 แนวรุกอย่าง ดาวเตะเซเนกัล, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้อยู่หมัด โดยมีหลายจังหวะที่เจ้าตัวเข้ามาเกาะแกะจนทำให้ สามประสาน “เอสเอ็มเอฟ” เล่นไม่ถนัด

ยิ่งไปกว่านั้น ปราการหลังทีมชาติอังกฤษ ยังสามารถขึ้นมาเติมเกมบุกทุกครั้งที่ เลสเตอร์ ได้ลูกตั้งเตะ และในที่สุดก็สำฤทธิ์ผล เมื่อขึ้นมาทำประตูให้กับต้นสังกัดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นจังหวะเดียวในครึ่งแรกที่อาคันตุกะมีโอกาสและเป็นประตู

ขณะที่ในครึ่งหลัง แม็คไกวร์ ยังคงเล่นได้อย่างเหนียวแน่น จัดการลูกโด่ง และการต่อบอลเร็วของแนวรุกลิเวอร์พูล ได้ตลอด ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เขาตกเป็นที่สนใจของหลายทีมในลีกผู้ดี โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พร้อมทุ่มไม่อั้นเพื่อดึง แม็คไกวร์ มาขันน็อตเกมรับให้แน่นเอี๊ยด

 

4. เฮนโด้ แบ็กขวาจำเป็น

ตำแหน่งแบ็กขวา กับมิดฟิลด์ตัวกลาง เป็น 2 ตำแหน่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องตัดสินใจเลือก และเขาเลือกที่จะทำในสิ่งที่เหมาะสมที่สุด

จริงๆ แล้วก่อนเกมนี้มีการคาดเดาว่า ฟาบินโญ่ น่าจะได้ลงเล่นฟูลแบ็ก แต่สุดท้าย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กลายเป็นคนที่ต้องขยับลงมายืนแบ็กขวา ในขณะที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน เลือก นาบี เกอิต้า ลงทำหน้าที่คุมแดนกลาง คู่กับ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ส่วน ดาวเตะชาวบราซิเลียน เป็นตัวสำรอง

หากมองกันอย่างยุติธรรม “เฮนโด้” เล่นได้ดีกับตำแหน่งที่ไม่ค่อยถนัดมากนัก และสามารถขึ้นมาเติมเกมได้ตลอดเมื่อมีโอกาส นอกจากนี้ยังผ่านบอลได้ดีด้วย แต่กระนั้นก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของ เลสเตอร์ ได้เลย สุดท้ายก็ทำได้แค่แบ่งแต้มในถิ่นตัวเอง

 

5. เกมรับชักมีปัญหา

ผลงานเกมรับของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ทำให้พวกเขามีโอกาสลุ้นแชมป์ แต่ 2 เกมที่ผ่านมาในถิ่นแอนฟิลด์ แนวรับของ “เดอะ เร้ดส์” เล่นไม่ค่อยดีนัก และสร้างความผิดพลาดหลายครั้ง โดยในเกมกับ เลสเตอร์ หากคู่แข่งเฉียบคมกว่านี้มีสิทธิ์น้ำตาตกคาบ้านแน่นอน

เริ่มที่ อลีสซง ซึ่งเคยทำผลงานไว้ใจได้ วันนี้เล่นเหมือนขาดความมั่นใจโดยเฉพาะจังหวะการผ่านบอลที่ผิดพลาด 2 ครั้งในครึ่งแรก และจังหวะเตะแป้ก ในครึ่งหลัง เดชะบุญที่ ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตูจากทั้ง 3 จังหวะนี้ ไม่งั้นคงไม่ได้ 1 คะแนนสำคัญ

ขณะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่เล่นดีมาตลอดในฤดูกาลนี้ ดันทำฟาวล์ในจังหวะที่ไม่จำเป็นช่วงท้ายเกมครึ่งแรก ส่งผลให้ เลสเตอร์ ได้ลูกตั้งเตะริมเส้นฝั่งซ้าย และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขาได้ประตูตีเสมอ ในส่วนของครึ่งหลัง โรเบิร์ตสัน ยังเล่นแบบไม่นิ่ง ตัดสินใจไม่แน่นอน และเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษคู่แข่งแบบไม่ค่อยมีลุ้น

สำหรับตอนนี้ต้องยอมว่าปัญหากองหลังบาดเจ็บส่งผลต่อ ลิเวอร์พูลมากๆ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในเกมกับ คริสตัล พาเลซ และ เลสเตอร์ ซิตี้ ฉะนั้นหากทีมยังต้องลงเล่นด้วยแนวรับที่ไม่นิ่งแบบนี้ มีสิทธิ์ที่ทีมอาจจะต้องช้ำในช่วงท้ายซีซั่นก็ได้

 

แหล่งข่าว สยามปอร์ต


Tags : , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,
Leave Comment