หลวงปู่โง่น โสรโย พระผู้หยั่งรู้อดีตและอนาคตแห่ง จ.พิจิตร

07/01/2019 Admin

หลวงปู่โง่น โสรโย พระผู้หยั่งรู้อดีตและอนาคตแห่ง จ.พิจิตร

วัตถุมงคลที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์ ตำรับ หลวงปู่โง่น โสรโย หลวงปู่พระผู้หยั่งรู้อดีตและอนาคต วัดพระพุทธบาทเขารวก ต.วังหลุม อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร พระดีมีพุทธคุณ โดย ส.ตระกูลหงษ์

ในอดีต นับย้อนตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 กลับไป วัดพระพุทธบาทเขารวก ต.วังหลุม อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เมื่อเดินทางเข้าสู่ที่ตั้งของสภาธรรมดังกล่าวแล้ว ผ่านเลยขึ้นสู่เชิงเขารวก จะมีฝูงกาบินมาต้อนรับ ส่งเสียงร้องกระพือปีก จะแอบอ้างว่ามาให้การต้อนรับนั้นคงมิใช่ หากแต่จะเป็นการขับไล่ผู้บุกรุกน่าจะตรงประเด็น

มองผ่านฝูงกาไปเบื้องหน้า จะเห็นกระท่อมหลังหนึ่ง อยู่ในสภาพที่เก่า รอเวลาที่จะพังลงมา และก็มองเห็นพระภิกษุชรา วัยของท่านชราภาพอยู่ในฐานะพระหลวงปู่ หลวงตาธรรมดารูปหนึ่ง ท่านกำ ลังให้ ความสนใจต่อการตกแต่งองค์ปฏิมาที่เหล่าผู้ศรัทธาต่อท่านเรียกว่า “พระพุทธวิโมกข์” ถูกวางเรียงรายอยู่เชิงเขาเบื้องหน้าที่พำ นักของท่าน ปรากฏภาพต้อนรับผู้ไปเยือนต่อจากฝูงกา และได้รับฟังคำ พูดที่ออกจากปาก ของผู้คนในท้องถิ่น เรียกขานนามของท่านง่ายๆ สั้นๆ ว่า “หลวงตา” และ “หลวงตาโง่น” เท่านี้เป็นที่รับรู้กันทั้งเมืองพิจิตร

หลวงปู่โง่น โสรโย พระผู้หยั่งรู้อดีตและอนาคตแห่ง จ.พิจิตร

หลวงตาโง่น หรือ หลวงปู่โง่น โสรโย ประวัติปูมหลังที่ท่านเมตตาบอกเล่าต่อเหล่าศิษย์และผู้ศรัทธาที่ต้องการรับรู้ถึงประวัติหนหลังของท่าน ซึ่งท่านก็เมตตาเปิดเผยพอให้เป็นข้อมูลในการนำ มาเขียนได้พอเป็น สังเขป

สถานะเดิมของท่านเป็นชาวจังหวัด นครสวรรค์โดยกำ เนิด เกิดบนเรือลากจูงแพบรรทุกสินค้าที่โยมบิดาของท่านใช้ประกอบอาชีพตามลำ น้ำเจ้าพระยา ส่วนโยมมารดาของท่านนั้นเป็น ชาวเมืองลำพูน ท่านเมตตาบอกต่อเหล่าศิษย์ว่าท่านถือกำเนิด เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2447 ในขณะที่เป็นเด็กอายุประมาณ 7-8 ขวบ ทำ ให้ชีวิตของท่านละจากอ้อมอกของครอบครัว ในช่วงปี พ.ศ. 2454 ได้มีชาวฝรั่งคนหนึ่งชื่อ บาทหลวงซาโตโมมอง เป็นชาวฝรั่งเศสได้รับสัมปทานการทำ ป่าไม้ในท้องถิ่นภาคเหนือ และมีความใกล้ชิดกับครอบครัวของท่าน โดยสนิทสนมกับโยมบิดาเพราะได้มีการเรียกใช้บริการทางเรือเป็นประจำ

ซาโตโม มอง ได้เห็นท่านในวัยเด็กก็ชอบใจ เกิดความรักเอ็นดู ได้ออกปากขอจากโยมบิดา ขอรับไป อุปการะเป็นบุตรบุญธรรม และได้ให้โอกาสในการเล่าเรียนหนังสือที่เมืองไทย และในเวลาต่อมา บิดาบุญธรรมได้ย้ายกลับฝรั่งเศส และได้นำ บุตรบุญธรรมไปด้วย จึงได้มีโอกาสได้เรียนศึกษาที่ฝรั่งเศสจนถึงระดับ สูงเช่นเดียวกันกับลูกหลานชาวฝรั่งทั่วไป จบการศึกษาแล้วด้วยบารมีของซาโตโม มอง บิดาบุญธรรม ได้งานมีหลักฐาน การงานดี และด้วยเป็นผู้ที่มีฐานะจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นบาทหลวงในที่สุด หลังจากบิดาบุญธรรมได้ถึงแก่กรรม ได้รับมรดกตกทอดนับว่ามากพอสมควร

ในปี พ.ศ. 2475 – 2478 ทางโยมมารดาได้ทำ การติดต่อกับทางสถานทูต โดยขอให้ท่านเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย เพื่อร่วมงานศพของโยมตา และโยมแม่ท่านก็ขอให้ท่านบวช เป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับโยมตาตามประเพณีของคนไทย ทั้งๆที่ท่านเป็นถึงบาทหลวงของคริสต์ แต่ก็จำ ใจตามที่โยมแม่ร้องขอ และคิดว่า เมื่อ หมดภาระก็จะกลับไปสู่คริสต์ศาสนาเหมือนเก่า จึงตกลงรับปากกับโยมแม่ ซึ่งโยมแม่ก็ได้ขอให้ครูบาศรีวิชัย ซึ่งเป็นเครือญาติทำ หน้าที่เป็นพระอุปัชฌาย์

หลวงปู่โง่น โสรโย พระผู้หยั่งรู้อดีตและอนาคตแห่ง จ.พิจิตร

เหตุการณ์ต่อมาทำ ให้ท่านต้องละทิ้งการนับถือศาสนาคริสต์ไว้เบื้องหลัง มีเหตุเป็นไปเพราะหลังจาก ที่  ครูบาศรีวิชัย ได้ทำ หน้าที่เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ท่านแล้ว ไม่นานพระอุปัชฌาย์ของท่านก็ได้ถูกทางคณะสงฆ์ไทยเรียกตัวเข้าสู่กรุงเทพฯ แจ้งความผิดวินัยสงฆ์ กล่าวคือ ทำ หน้าที่เป็นพระอุปัชฌาย์โดยที่มิได้อนุญาตให้เป็นไปตามวิสัยกฎหมายของพระสงฆ์ไทย ทำ ให้ท่านเกิดปมสงสัยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาจะเอาอย่างไร

เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น ทำ ให้ท่านหันหลังให้กับคริสต์ศาสนาที่ท่านนับถือและปฏิบัติมาแต่เดิม เริ่ม ต้นมุ่งมั่นทางด้านวิสัยและศึกษาทางด้านปฏิบัติอย่างจริงจังกับครูบาศรีวิชัย ปรนนิบัติรับใช้ต่อพระอุปัชฌา จารย์อย่างใกล้ชิด ได้รับการถ่ายทอดแนวทางปฏิบัติจิตภาวนาพุทธาคมจากครูบาศรีวิชัย ซึ่งท่านได้ถ่ายทอด ให้โดยมิอำ พราง และพระคาถาที่ได้รับมอบนำ มาใช้ทุกครั้งที่ชีวิตพบกับวิกฤต และยังชี้บอกบทพระคาถา ดัง กล่าวให้กับเหล่าศิษย์ผู้ใกล้ชิดได้นำ ไปใช้ ขอให้หมั่นสวดภาวนาจะเป็นเกราะป้องกันคุ้มครองให้อยู่รอด ปลอดภัย พบกับสิ่งที่เป็นมงคลตลอดกาล ซึ่งพระคาถาของท่านมีดังต่อไปนี้

“ตั้งจิตรำลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ นะโมฯ 3 จบ ต่อด้วย นะโมเม พุทธวี รัตถุ วิปปะมุตฆัตสึสัพพะธิ สัทธาธะปะภิโนสะมิตัสสะเม สะระนังภะวะ ภาวนา 9 จบ”

 หลังจากได้รับการชี้แนะจากครูบาศรีวิชัย ถึงอุบายการเจริญจิตภาวนาและพระคาถาอาคมเป็นที่พอใจ ของพระอาจารย์แล้ว จึงละจากมุ่งแสวงหาปลีกวิเวกไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งภายในประเทศไทยและต่าง ประเทศ พม่า อินเดีย ทิเบต ลาว ทำ ให้ท่านพบกับความสุขทางธรรมและวิบากกรรมที่พระภิกษุรูปอื่นไม่เคยประสบพบมาเหมือนกับท่าน ขณะที่เป็นพระภิกษุแสวงความปลีกวิเวกเข้าเขตพม่า ลาวได้ถูกเจ้าหน้าที่ ประเทศนั้นๆ จับกุมท่านไปขังคุกทั้งๆที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ แต่ท่านก็สามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายมาได้ ด้วยพลังการปฏิบัติจิตภาวนาและพระคาถาของพระอุปัชฌาย์จารย์

ผู้เขียนได้มีโอกาสได้พบกับภาพถ่ายที่ หลวงปู่และครูบาบุญชุ่ม ได้นั่งปฏิบัติภาวนาบนหิมะที่เทือกเขาประเทศทิเบต ทำ ให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเป็นเพราะอำ นาจพลังจิต สามารถสกัดกั้นความหนาวเย็นให้กับท่านได้ และพระผู้ที่ปฏิบัติจริง รู้จริง อย่างเช่น กรณี 13 หมูป่าอะคาเดมี่ ติดอยู่ภายในถ้ำนานวัน ญาติโยมได้อาราธนานิมนต์ครูบาบุญชุ่ม วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง รัฐฉาน ประเทศพม่า มาประกอบพิธีเบิกทางและยังได้ชี้ บอกต่อญาติโยมทั้งหลายไปว่า “ไม่ เป็นไร ทุกคนรอดปลอดภัยดี อีก 2-3 วัน ได้พบตัวแน่นอน”

หลวงปู่โง่น โสรโย พระผู้หยั่งรู้อดีตและอนาคตแห่ง จ.พิจิตร

และเหตุการณ์เป็นไปตามที่ท่านชี้บอก หมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 ชีวิต รอดปลอดภัยคืนกลับสู่อ้อมอก ของครอบครัว แต่อีกฝ่ายหนึ่งชี้บอก รู้ได้ไง คนไทยนี่แปลก เชื่อในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ อภินิหารในโลกนี้ไม่มี ที่รอดมาได้เพราะมีผู้เข้าไปช่วยเหลือ อีกฝ่ายหนึ่งก็โต้บอก รอดตายเพราะเจ้าหน้าที่ก็จริงครับท่าน แต่ขอให้มองย้อนกลับก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือ มีคำ พูดออกจากปากของครูบาจากรัฐฉาน ประเทศพม่า เป็นที่รับรู้ของบรรดาญาติโยมตามคำ ที่ท่านได้กล่าวบอกไว้เบื้องต้น ครูบาท่านนี้ ท่านเคารพนับถือหลวงปู่โง่นโสรโย เป็นพระอาจารย์และหลวงปู่ท่านจะมีการงานที่เกี่ยวข้องกับศาสนาทั้ง ครูบาบุญชุ่ม และ ครูบาแสงหล้า วัดสายเมือง แขวงท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า จะต้องข้ามฝั่งมาร่วมพิธีทุกครั้ง

หลวงปู่โง่น โสรโย พระผู้หยั่งรู้อดีตและอนาคตแห่ง จ.พิจิตร

หลังจากที่ หลวงปู่โง่น โสรโย ท่านละจากพระอุปัชฌาย์จารย์ (ครูบาศรีวิชัย) เนื่องจากครูบาท่านละสังขารแล้ว ก็ได้ถือกิจธุดงค์วัตรทั้งในและนอกประเทศ ได้มีโอกาสได้พบปะกับสหายทางธรรม มีการแลก เปลี่ยนแนวทางปฏิบัติ รวมทั้งศาสตร์ทางด้านพุทธาคมซึ่งกันและกัน ภายหลังได้มีศิษย์ที่เคารพนับถือหลวงปู่ ได้อาราธนานิมนต์ให้ท่านมาพำ นักที่วัดพระพุทธบาทเขารวก ต.วังหลุม อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร

ท่านได้บอกต่อเหล่าศิษย์ของท่านว่า ไม่ต้องการในเรื่องของตำ แหน่งและสมณศักดิ์แต่อย่างใด และขอปลีกวิเวกโดยการสร้างกุฏิลักษณะกระท่อมอยู่ที่เชิงเขารวก ภายหลังก็ได้มีฝูงนกกา สุนัขอีกหลายตัวมาอาศัยอยู่บริเวณกุฏิของท่าน ฝูงนกกาจะมีหน้าที่ส่งเสียงร้อง กระพือปีกบินวนผู้ที่แปลกหน้า เสมือนเป็นการบอกให้หลวงปู่ได้รู้ว่า มีผู้มาเยือน หลวงปู่ท่านก็จะให้การต้อนรับเหล่าศิษย์และญาติโยมเสมอกัน

Tags : , , , , , , , ,
Leave Comment