พระเกจิผู้เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา แห่งวัดนาจอมเทียน อำเภอจอมเทียน จังหวัดชลบุรี
พระครูพิพิธชลธรรม หลวงปู่หลาย อาภรโณ วัดนาจอมเทียน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2310 นามผู้สร้าง (ไม่ระบุแน่ชัด) ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 55 ไร่ 2 งาน 49 ตารางวา มีที่ธรณีสงฆ์ 2 ไร่ 1 งาน 46 ตารางวา เป็นที่ดินมีโฉนด (มี น.ส.3 ก) เสนาสนะสิ่งที่ปลูกสร้างที่มีอยู่แล้ว และยังใช้ได้ คือ อุโบสถหลังเก่า อุโบสถหลังใหม่ ศาลาการเปรียญ กุฏิ กำแพง เมรุ หอระฆัง อาคารเรียนปริยัติธรรมของวัด และอาคารในวัดที่ใช้เป็นโรงเรียนของทางราชการ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2532
ปัจจุบันมี พระครูพิพิธชลธรรม (หลวงปู่หลาย) ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลนาจอมเทียน และเจ้าอาวาสวัดนาจอมเทียน ซึ่งมีสิริอายุวัฒนะมงคลมากถึง 89 ปี มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเดินเหินสะดวกสบาย หลวงปู่หลาย ท่านพักจำวัดบนกุฏิชั้น2 โดยเดินขึ้นเดินลงเองยังกุฏิเป็นประจำ ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ พัฒนาและดำรงความเป็นสมณะที่อยู่ในศีลธรรมอย่างดี นอกจากปฏิบัติดีแล้ว
หลวงปู่หลายท่านยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมเข้มขลังอีกด้วย จากคำบอกเล่าของพระลูกวัดและชาวบ้านใกล้เคียงทราบว่าหลวงปู่หลายท่านได้สืบสายวิชาอาคมของหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหับ สืบสายสิชาอาคมของหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย เพื่อความเข้าใจในสายวิชาที่หลวงปู่หลายได้ร่ำเรียนมาได้อย่างไร ซึ่งผู้เขียนจะมาเขียนบรรยายต่อจากบทความชีวประวัติของหลวงปู่หลาย หลวงปู่หลายท่านเกิด ในเดือนเมษายน ในปี พ.ศ.2570 ณ บ้านทุ่งคา ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี อุปสมบท ตอนอายุ 20 ปี บริบูรณ์ ณ พัทธสีมา วัดนาจอมเทียน ในปี พ.ศ.2492 โดยมีพระวิสุทธิสมาจารย์ (เจ้าคุณศรี แห่งวัดอ่างศิลา) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อลั้ง วัดอัมพาราม เป้นพระกรรมาวาจาจารย์ พระอธิการไฮ้ เจ้าอาวาสวัดนาจอมเทียน ในสมัยนั้นเป็นพระอนุสาวนาจารย์
ท่านรักฉายาว่า “อาภรโณ” เมื่อบวชเสร็จก็จำพรรษาอยู่กับ พระอธิการไฮ้ พระอธิการไฮ้เป็นผู้ที่มากด้วยพุทธาอาคม หลวงปู่หลายจึงได้ศึกษาวิชาอาคมกับพระอธิการไฮ้ พระอาจารย์รูปแรกของท่าน ต่อมาในปี พ.ศ. 2505 พระอธิการไฮ้ ได้มรณภาพลง หลวงปู่หลายท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ด้วยเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ หลวงปุ่หลายจึงได้เดินทางไปขอร่ำเรียนวิชากับ หลวงพ่อลั้ง วัดอัมพาราม ซึ่งเป็นพระกรรมวาจารย์ของท่านเอง หลวงพ่อลั้งรูปนี้เป็นพระเกจิที่มีวิชาอาคมเก่งกล้าสามารถมาก ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์เอกของหลวงพ่ออี๋ แห่งวัดสัตหีบ และเป็นผู้ลงมือจารปลัดขิกให้กับหลวงพ่ออี๋อีกด้วย นี่ถ้าไม่เก่งจริง หลวงพ่ออี๋ คงไม่ไว้วางใจมอบงานลงอักขระยันต์แทนท่านหรอกครับ นับว่าเป็นโอกาสทองของหลวงปู่หลาย ที่มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาอาคมลงอักขระเลขยันต์ต่างๆ จนครบถ้วนขบวนมนต์ของหลวงพ่อลั้งจนจบสิ้น หลวงพ่อลั้งจึงแนะนำให้ไปศึกษาวิชาอาคมต่อจากหลวงพ่อทองอยู่ วัดบางเสร่ หลวงพ่อทองอยู่รูปนี้ ท่านเป็นศิษย์ของพระเถราจารย์ตำนานเขี้ยวเสือแกะ หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย และเป็นพระร่วมธุดงค์ในสมัยนั้น ที่มีตำนานกล่าวขานมากมายในหลายๆ เกจิอีกด้วย
หลวงพ่อทองอยู่ ท่านยังเป็นศิษย์ของหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ซึ่งดูจากประวัติท่านแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลวงพ่อหลาย เป็นศิษย์รุ่นหลานของหลวงพ่ออี๋ ที่ได้ร่ำเรียนพุทธาคมสืบทอดสายวิชาอาคมของหลวงพ่ออี๋อย่างถ่องแท้แน่นอน ด้วยคุณงามความดีและบารมีของหลวงปู่หลายที่ช่วยเหลืออนุเคราะห์ญาติโยม ชาวบ้านร้านค้าโดยไม่คิดหวังสิ่งตอบแทน จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านในเขตพื้นที่ และชาวบ้านเขตนอกพื้นที่ รวมถึงคนไทยและคนต่างชาติเป็นยิ่งนัก
ด้วยภูมิประเทศเขตเมืองชลบุรีนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะชายหาดนาจอมเทียนถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งที่มีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศของประเทศต่างๆ เดินทางหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ชายหาดนาจอมเทียนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวย่อมมีผู้คนมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก และเมื่อมีคนมากขึ้น เรื่องก็ย่อมมีมากขึ้นเช่นกัน สิ่งที่เรา ท่านมองไม่เห็น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่ามันจะไม่มีจริง นั้นก็คือเรื่องดวงจิตวิญญาณ
เรื่องดวงจิตวิญญาณของชาวต่างชาติรายหนึ่ง มีสาเหตุเกิดขึ้นจากความรักของคนสองคนที่ใช้ภาษาต่างกัน แต่มีความเข้าใจกันได้ทุกเรื่องจากภาษารัก และเมื่อวันใดที่อีกฝ่ายหนึ่งหมดรัก ความเจ็บปวดแสนทุกข์ทรมานจึงบังเกิดขึ้นกับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ต่อนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นใน อพาร์ทเม้นแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตนาจอมเทียน ชายผิวดำหัวหยิกรูปร่างสูงใหญ่เรานิยมเรียกเขาว่า ชาวนิโกรผู้นี้ถือสัญชาติอเมริกัน วัยกลางคน เขาชื่นชอบบรรยากาศในเมืองไทย มากๆ และที่เขาชื่นชอบมากที่สุดก็คือสาวไทยรูปบางร่างน้อย ทุกๆปีเขาจะเดินทางมาพักผ่อนท่องเที่ยวที่เมืองไทยเป็นประจำและในโอกาสครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขาได้เดินทางมาเที่ยวในเมืองไทยครั้งนี้ จึงได้มาพบรักกับสาวไทยตามใจที่ใฝ่ฝัน
ทั้งสองจึงได้เช่าพักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ แห่งหนึ่งแถวๆ เขตนาจอมเทียน เวลาผ่านไปหลายเดือนความสัมพันธ์ระหว่างคนสองเริ่มคอนแดน ฝ่ายชายชาวนิโกรมีความหึงหวงฝ่ายหญิงซึ่งเป็นคนไทยเป็นอย่างมาก ถึงขนาดไปเที่ยวเล่นพูดคุยกับเพื่อนผู้ชายที่สนิทกันก็ไม่ได้ พอกลับเข้าห้องทีไรเป็นต้องทะเลาะกัน ฝ่ายชายมักใช้กำลังทุบตีฝ่ายหญิงด้วยความหึงหวงทุกครั้ง คนเราเมื่อถึงจุดหมดความอดทนแล้ว พลังแห่งความรักก็เปลี่ยนเป็นพลังแห่งความเกลียด เมื่อฝ่ายหญิงตัดใจหมดรักก็หาวิธีตีจาก และวันนั้นก็มาถึง เช้าวันรุ่งขึ้นชายนิโกรตื่นขึ้นมาไม่พบภรรยาผู้เป็นที่รัก
อีกทั้งเสื้อผ้าอาภรของใช้ส่วนตัวก็หายไปหมด จึงรีบแต่งตัวออกเดินทางไปตามหา ตามสถานที่ต่างๆ ที่เคยมานั่งเล่นกันก็ไม่พบ นานหลายวันเข้าเจ้าตัวกลุ้มใจหนักจึงหันไปหาสุราดื่มกินจนเมามายทุกๆวัน เมื่อความเมาเข้าปกคลุมจึงทำให้ขาดสติในชั่วอึดใจเดียว ร่างกายที่สูงใหญ่ก็ไปโหนห้อยโตงเตงอยู่ที่ราวบันได นี่เป็นการตัดสินใจฆ่าตัวตายอย่างไร้ความคิด แต่ดวงจิตวิญญาณของผู้ตายยังคงห่วงหาอาวรณ์ ไม่ยอมไปไหนวนเวียนส่งเสียงร้องไห้อยู่บริเวณห้องเช่าในอพาร์ทเม้นท์นั้น
จนทำให้ผู้ที่ร่วมอยู่อาศัยหวาดผวาไปตามๆ กัน มีหลายห้องย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น สร้างความเสียหายให้กับเจ้าของอพาร์ทเม้นท์เป็นอย่างมาก จึงต้องรีบเดินทางมากราบนิมนต์หลวงปู่หลาย พระเกจิผู้เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาแห่ง วัดนาจอมเทียน ไปทำพิธีขับไล่หรือส่งดวงวิญญาณชาวนิโกรผู้มีรักแท้ ให้ไปสู่สุคติภพภูมิตามแรงกรรม ตั้งแต่หลวงปู่หลายไปทำพิธีขับไล่สวดดวงวิญญาณชาวนิโกรให้ไปสู่ภพภูมิที่เหมาะสมแล้ว หลังจากนั้นมาความสงบสุขร่มเย็นของคนในอพาร์ทเม้นท์ก็กลับสู่ปกติดังเดิม เป็นด้วยเพราะบารมีของหลวงปู่หลาย พระผู้เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาแห่งวัดนาจอมเทียน
